บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อจำลองการสูบบุหรี่แบบดั้งเดิม โดยจะปล่อยควันออกมาจากเครื่อง ซึ่งควันนี้เกิดจากการระเหยของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของนิโคติน สารให้ความหวาน สารแต่งกลิ่น และสารเคมีอื่นๆ
บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เนื่องจากมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและดูมีเสน่ห์ อีกทั้งยังถูกโฆษณาว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด สารเคมีบางชนิดในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เช่น
- นิโคติน : สารเสพติดที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของสมองในเด็กและเยาวชน
- สารก่อมะเร็ง : เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ อะเซโทน อะคริลาไมด์ โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs)
- สารก่อภูมิแพ้ : เช่น กลีเซอรีน โพรพิลีนไกลคอล
- สารก่อพิษ : เช่น โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม
นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังอาจก่อให้เกิดอันตรายอื่นๆ ตามมา เช่น
- ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคมะเร็ง
- อุบัติเหตุจากการระเบิดของบุหรี่ไฟฟ้า
ในประเทศไทย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ผู้ที่ผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บุหรี่ไฟฟ้าอาจดูเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่แบบดั้งเดิม แต่จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากต้องการเลิกบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัย
คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
หากมีบุตรหลานที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ปกครองควรพูดคุยกับบุตรหลานอย่างจริงจังถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองควรดูแลและสังเกตพฤติกรรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากพบว่าบุตรหลานเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า ควรรีบหาทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
คำแนะนำสำหรับเยาวชน
เยาวชนควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพและยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากต้องการเลิกบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัย