บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทดแทนบุหรี่ธรรมดา โดยใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของนิโคติน สารให้ความหวาน สารแต่งกลิ่น และสารอื่นๆ มาผ่านความร้อนจนเกิดไอระเหยที่ผู้ใช้สูดเข้าไปแทนควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน เนื่องจากถูกมองว่ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงเป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่เช่นกัน จากการวิจัยพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ดังนี้
- โรคหัวใจและหลอดเลือด บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- โรคมะเร็ง บุหรี่ไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งหลอดลม และมะเร็งปาก
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้หลอดลมอักเสบและตีบตัน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก
- โรคอ้วน นิโคตินในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกรลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะอ้วนขึ้น
- ปัญหาสุขภาพจิต การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และนอนไม่หลับ
นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายอื่นๆ อีกด้วย เช่น ระเบิดของแบตเตอรี่ สารปนเปื้อนในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และโรคปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (EVALI)
ประเทศไทยได้ออกกฎหมายห้ามนำเข้า จำหน่าย ครอบครอง และสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายอย่างผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้วัยรุ่นและเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย
เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ปกครองควรดูแลและเอาใจใส่บุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากพบว่าบุตรหลานสูบบุหรี่ไฟฟ้า ควรพูดคุยทำความเข้าใจและพาไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษา
หากต้องการเลิกบุหรี่ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักสูบบุหรี่มืออาชีพ เพื่อรับคำแนะนำและความช่วยเหลือในการเลิกบุหรี่อย่างปลอดภัย